.
.
ขวดแก้วหรือ กระปุกแก้ว เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดหนี่งที่นิยมใช้ในวงกางอุตสาหกรรมอย่างมาก ทั้งด้านอาหาร หรือความงาม เพราะเนื่องจากแก้วมีคุณสมบัติเด่นคือความเฉื่อยต่อการทำปฏิกิริยากับสารเคมีชีวิภาพต่างๆ ทำแก้วสามารถช่วยเก็บรักษาคุณภาพของสินค้าได้ดีมาก ทั้งยังมีรูปแบบภาชนะให้เลือก เช่น ขวดปากแคบ นิยมใช้กับ ขวดน้ำปลา ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำยา ขวดซอสรุงรส ฯลฯ และ ขวดปากกว้าง นิยมใช้กับขวดแยม ขวดผักดอง ขวดยาทา กระปุกเครื่องสำอาง ฯลฯ
- ภาชนะบรรจุแก้ว จัดเป็นภาชนะที่มีความเป็นกลางต่อปฏิกิริยาเคมีมากที่สุด ไม่ทำปฏิกิริยาใดๆกับผลิตภัณฑ์ที่บรรจุ ทำให้มีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค
- ภาชนะบรรจุแก้ว สามารถป้องกันการซึมผ่านของก๊าซ ไอน้ำและกลิ่นได้ดีมาก จึงสามารถเก็บความสดใหม่ของสินค้า หรือครีมที่บรรจุอยู่ภายในได้นาน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความสนิทของฝาที่ปิดภาชนะบรรจุแก้วด้วย
- ภาชนะบรรจุแก้ว สามารถล้างทำความสะอาด เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองและเชื้อจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่ตามผิวขวดแก้วได้ง่าย
- เมื่อเปิดฝานำผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ภายในมาใช้ ถ้าใช้ไม่หมดสามารถปิดฝากลับ เพื่อเก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์นั้นได้
- ภาชนะบรรจุแก้ว สามารถนำกลับไปแปรสภาพเพื่อนำกลับมาหลอม และขึ้นรูปเป็นภาชนะบรรจุแก้วชนิดใหม่ได้
- ภาชนะบรรจุแก้ว ช่วยรักษาคุณภาพอาหารไม่ให้เน่าเสีย และช่วยยืดอายุการเก็บของอาหารให้ยาวนานขึ้น
- แก้วเป็นวัสดุมีความโปร่งใสและสามารถทำให้ขุ่นได้ หรือสามารถทำสีอื่นๆได้ เช่น สีชา สีน้ำเงิน สีดำ สีชมพู สีเขียว หรือเป็นการเคลือบสี ตัวอย่างดังภาพด้านล่าง
- ภาชนะบรรจุแก้ว สามารถมองทะลุได้เพราะมีความโปร่งใสมาก เหมาะกับการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ต้องการแสดงให้ผู้บริโภคเห็นสินค้า
- ภาชนะบรรจุแก้ว เป็นภาชนะคงรูป มีความต้านทานต่อแรงกดและแรงดันภายในสูง
- ภาชนะบรรจุแก้ว มีราคาแพงกว่าภาชนะบรรจุชนิดอื่น เช่น กระป๋องโลหะ บรรจุพลาสติก แต่แก้วมีคุณสมบัติที่เด่นกว่าภาชนะบรรจุที่ทำมาจากวัสดุอื่น
- ภาชนะบรรจุแก้ว กับผลิตภัณฑ์ที่มีความไวต่อแสง เช่น ไวน์ น้ำผลไม้ หรือยาบางชนิด จึงแนะนำให้เติมสีของแก้ว ทำให้แก้วสามารถกรองแสงได้
- ภาชนะบรรจุแก้ว มีความต้านทานต่อแรงกระทบของภาชนะบรรจุแก้วต่ำมมาก ดังนั้นภาชนะบรรจุแก้วจึงเป็นภาชนะที่เปราะและแตกง่าย